
สืบเนื่องจากกลุ่มเพื่อนชวนกันไปกินมื้อกลางวันที่ร้านลึบลับใจกลางกรุงชื่อ Harmonique อ่านว่า “ฮาร์โมนิค” ซึ่งเป็นร้านที่ขึ้นหน้าปก a day เล่ม 191 มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างตามเว็บรีวิวว่า ร้านนี้เน้นอาหารไทย บ้างก็ว่าเน้นขายแต่ฝรั่งบ้างละ บ้างก็ว่าจืดไม่รสจัดแบบคนไทย แต่บอกไว้ก่อนเลยว่ากลุ่มเพื่อนที่ไปกินในวันนั้น จำนวน 2 ใน 3 เป็นเชฟอาหาร และ 1 ในนั้นเป็นเชฟอาหารไทยโดยตรง ยอมรับว่าจะอร่อย หรือโดนติเตียนก็ขึ้นอยู่กับลิ้นพวกนายแล้ว


สำหรับการเดินทางมาที่ร้าน Harmonique ถ้าเป็นสายเดินอยู่แล้ว ขอแนะนำว่าเดินจากสถานี BTS สะพานตากสินทางออกหมายเลข 3 ประมาณ 700 เมตร ร้านตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 34 เข้าซอยไปนิดเดียว
แต่ถ้าคิดว่าเอาเร็วขึ้นมาอีกนิด ลงจากสถานีสะพานตากสินทางออกหมายเลข 3 เดินมาทางโรบินสันบางรัก ขึ้นรถเมลสาย 1,75 แล้วบอกกระเป๋าว่าลงป้ายวัดม่วงแค่ ร้านอยู่ขวามือ หรือถ้าเอาเร็วที่สุด ลงพอลงสถานีให้เรียกแท็กซี่ราคาไม่เกิน 41 บาท ถ้ารถไม่ติด ตอนเห็นหน้าร้านครั้งแรก ก็ไม่นึกว่าเป็นร้านอาหารไทยหรอก…(ถ้าไม่ดูป้าย)
ตัดภาพ…มานั่งที่โต๊ะ ภายในร้าน Harmonique จะเลือกนั่งทั้งโต๊ะในร้าน และนอกร้าน ที่เป็นแบบโอเพ่นแอร์ ถึงแม้วันนั้นเราจะได้นั่งโต๊ะด้านนอก แต่อากาศภายในร้านไม่ร้อนเลย และไม่มีกลิ่นอาหาร แปลว่าร้านน่าจะติดตั้งระบบระบายอากาศ/กลิ่นได้ดี ตัวเมนูอาหารเป็นเล่มหน้าตาปกติทั่วไป ไม่มีความพิเศษอะไร มีเมนูอาหารแบบมีภาพตัดสินใจ และมีเฉพาะตัวอักษรอย่างเดียว อยู่คนละเล่มกัน (เผื่อใครไปแล้วเจอแต่แบบตัวอักษร สามารถขอแบบมีภาพประกอบตัดสินใจได้) อาหารมีให้เลือกเยอะมาก เสียดายลืมถ่ายเนื้อหาในเล่มมาให้ดูกัน
วันนั้นสั่งไปทั้งหมด 5 อย่าง ตามใจแต่ละคน ใครชอบแบบไหนก็สั่งกันไป

เนื้อไก่ที่ใช้เป็นเนื้อส่วนอก แต่นุ่ม ตัวเห็ดใช้เป็นเห็ดฟาง เพื่อน รวมถึงตัวเราคิดว่า ร้านปรุงรสมากลมกล่อมดี แต่ตัวเนื้อแกงยังไม่เข้มข้นเท่าที่ควร

เพื่อนขอเป็นแบบคั่วแห้งๆเลย ก็จัดมาตามที่ขอ ส่วนรสชาตินั้น เพื่อนบอกว่าติดหวานไปนิด ไม่งั้นจะดีกว่านี้มาก ส่วนตัวเราคิดว่าทำไมต้องใส่ถั่วฝักยาวลงไปด้วย

จานนี้อาหารดูอลังการมาก แต่ละอย่างจะจัดมาให้ 4 ชิ้นพอดีเป๊ะ มีทั้ง ยำส้มโอ/ปอเปี๊ยะกุ้งสอดไส้ชีสแบบทอด/ไก่ทอดซอสมะนาว/เห็ดหอมปู สำหรับจานนี้ทุกคนลงความเห็นว่า อร่อย! รสชาติดี ส่วนตัวเราจะเอนเอียงไปทางปอเปี๊ยะ เพราะอร่อยมากจริงๆ

ปลาหมึกมาตัวใหญ่เชียว สุกกำลังดี กระเทียมน้อยไปหน่อย กินเปล่าๆ รู้สึกว่ารสชาติปานกลาง ไม่จัดจ้าน

จานนี้ดูเพื่อนๆ ในกลุ่มติดใจกันมาก เพราะว่าเครื่องแกงเข้มข้นทีเดียว เนื้อปลาที่ผสมมาเต็ม ทำให้รสชาติเข้มข้นจริงๆ ส่วนความเผ็ดปานกลาง เพราะเราเองเป็นคนไม่ทานเผ็ด ทานได้ แต่ก็ว่าซี๊ดซ้าดอยู่
สรุปทั้ง 5 อย่าง ถ้าเทียบปริมาณของจริงกับภาพในเมนู เรียกว่าดูดี และดูน่ากินไม่ต่างกัน อันนี้เราให้ผ่าน สำหรับรสชาติอาหารนั้น ด้วยความที่เป็นสิ้นคนไทย บางอย่างจัดจ้านถูกใจ บางอันยังเฉยๆ ค่ะ…ราคารวมมื้อนี้จ่ายไปทั้งหมด 1,300 บาทไทย (ตกคนละ 325 บาท) ไม่ได้สั่งข้าวและน้ำ ปริมาณนี้ 4 คนเรียกว่าอิ่มใช้ได้เลย
หลังจากกินเสร็จก็คุยกัน ในมุมของเพื่อนสนิทที่เป็นเชฟบอกว่า เป็นร้านที่เหมาะแก่การพาเพื่อนต่างชาติมากิน ด้วยบรรยากาศ สถานที่ และรสชาติที่กลมกล่อม แต่ไม่ได้จัดจ้านตามสไตล์คนไทย ราคาพอได้ เดินทางสะดวก และบริเวณโดยรอบมีคนต่างชาติมาพักเยอะ
ส่วนตัวเรา อยากจะมาลองอีกสักรอบ แต่ติดเรื่องการบริการ พนักงานเสิร์ฟค่อนข้างไม่เป็นมิตรเท่าไหร หน้าตาบึ้งตึ้งไปหน่อย ตั้งแต่ตอนสั่ง ตอนเสิร์ฟ ตอนขอเมนูน้ำ (ที่ไม่ได้เมนูมาดูด้วย ก็เลยไม่ได้มีการสั่งน้ำใดๆ) แม้แต่ตอนเช็คบิลเองก็ยังบึ้งตึ้งใส่ ตรงนี้ต้องปรับปรุง
ปิดท้ายรีวิวนี้ด้วยภาพร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อปากซอยวัดม่วงแค เจริญกรุง 34 / 1 ในร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อชื่อดังในกรุงเทพฯ ซื้อกลับไปกินเป็นมื้อเย็นวันนั้น ต้องยอมรับว่าน้ำซุปรสชาติเข้มข้นสุด ๆ อร่อยมากแบบไม่ต้องปรุง ตัวเนื้อตุ๋นมากำลังดี แต่ยังชอบก๋วยเตี๋ยวเนื้อท่าน้ำสาธุฯ มากกว่าอยู่ดี

ฝากกดไลค์เพจให้ด้วยนะ
บทความที่คล้ายกัน
– WEiP Cafe Lopburi ร้านกาแฟ ลพบุรี ขนมอร่อย บรรยากาศสบาย
– “ส้มตำคลาสสิค The Beatles Station” ร้านอาหารอีสานสุดแซ่บในเชียงใหม่