ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินอาหารประเภทชาบู-สุกี้มาก และร้าน Akiyoshi คือ 1 ในร้านที่กินเป็นประจำ ด้วยรสชาติและวัตถุดิบ เรารู้สึกกินแล้วมีความสุข โดยจะสนนราคาแบบ Duo อยู่ที่ 494 บาท net หรือถ้าใครอยากกินปิ้งย่าง (ที่ร้านเรียกแบบ Combo) ด้วยก็จะขยับราคาเป็น 535 บาท net ถ้ากินซีฟู้ดบวกเพิ่ม 99 บาท และสาขาที่ไปกินประจำคือ อากิโยชิ สาขาพระโขนง เพราะใกล้บ้าน 555
นอกจากบุฟเฟต์สุกี้-ชาบูแบบราคาปกติที่บอกไว้ด้านบนแล้ว ทางร้านแนะนำว่าตอนนี้มีแบบ Premium มาให้บริการ โดยราคาปกติอยู่ที่ 1299 บาท net/คน แต่ถ้าใครมีบัตรสมาชิกลดเหลือ 899 บาท net ราคานี้สามารถสั่งปิ้งย่าง รวมน้ำ ของหวาน ไอศกรีม ก็เลยได้โอกาสลอง
สำหรับเล่มเมนู Premiun ทางร้านจะให้มาเป็นแบบเล่มหนาๆ ทั้งเล่มเราสามารถสั่งทานได้แบบไม่อั้น ภายใน 2 ชั่วโมง เปิดมาหน้าแรกก็เชิญชวนให้เราสั่งด้วยเนื้อซูพีเรียร์อย่าง “เนื้อวัวพันธุ์ชาร์โล่เลส์” สายพันธุ์จากฝรั่งเศส โดยมีจุดขายเป็นเนื้อที่มีมันแทรกทั้งชิ้น รสชาติจะนุ่มละมุนลิ้น และเนื้อหมูคุโรบุตะ ที่มีมันแทรก
ถัดมาจะเป็นเนื้อแบบปกติ และเมนูซีฟู้ด ได้แก่ กุ้ง ปลาหมึก แซลมอน หอยแมลงภู่ และปลากะพง และเมนูผัก เส้น น้ำจิ้ม ข้าว
นอกจากประเภทชาบู-สุกี้แล้ว สำหรับ Akiyoshi Premium ได้เพิ่มเมนูซาชิมิ ซูชิ และตระกูลโรลทั้งหลายเอาไว้ให้สั่งแบบไม่อั้น กินได้แค่ไหนก็กิน แต่อย่าเหลือ เพราะทางร้านจะปรับตามราคาจริงนะ หน้าสุดท้ายจะเป็นอาหารญี่ปุ่นปรุงสุก ของหวาน เครื่องดื่ม
รอบนี้เราสั่งเป็นหม้อสุกี้ และชาบูแยกกัน โดยน้ำจิ้มจะเสิร์ฟมา 4 ชนิดได้แก่ ไข่ดิบ(กินกับสุกี้) พอนสึ และน้ำจิ้มงา (กินกับชาบู) น้ำจิ้มซีฟู้ด (กินกับซีฟู้ด)
หลังจากดูเมนูจนครบแล้ว ก็สั่งอาหารกันเลย! จากแรกที่มาคือ เนื้อวัวพันธุ์ชาร์โล่เลส์ พอเห็นเนื้อแล้วถึงกับต้องหยิบเล่มเมนูขึ้นมาดูอีกครั้ง แล้วก็ค้นพบว่าผิดหวังอยู่หลายจุด เพราะเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้แทรกเยอะ และไม่ได้นุ่มเหมือนกับที่โฆษณา รวมถึงต้องปรับปรุงวิธีการเสิร์ฟ ถ้าเสิร์ฟใส่ถาดไม้แบบในเมนูอาจจะทำให้เนื้อดูพรีเมี่ยมสมชื่อมากกว่านี้ แต่ก็ยังพอให้คะแนนกับรสเนื้อที่ชัดเจนอยู่
วิธีการกินสุกี้แบบประจำของเราคือ นำหอมใหญ่ไปผัดกับน้ำมันที่มากับหม้อ ใส่ซอสสุกี้ลงไปนิดนึง แล้วก็นำเนื้อไปผัดในความสุกที่ชอบ เวลาเห็นเนื้อสีแดง ลงหม้อสุกี้สีดำนี่มันช่างตัดกันอย่างลงตัวจริงๆ จิ้มกินกับไข่ดิบ แค่นี้ก็ทำให้ฟินได้ละ
จานถัดมาเป็นเนื้อหมูคุโรบุตะ ที่อยู่ในเซ็ทพรีเมี่ยม ยอมรับว่าหมูอร่อยจริงจัง นุ่มมาก อันนี้ให้ผ่าน 🙂
พอกินไปนิดหนึ่ง อาหารอื่นๆ ก็เริ่มทยอยมา อย่างจานแรก ไข่หวานซาชิมิ ใครชอบหวานๆ เลยจานนี้น่าจะชอบ ความนุ่มโอเค ส่วนเราขอตอบว่าเฉยๆ
แปะก๊วยย่าง อันนี้คนไปด้วยกิน เราไม่ได้กิน 555 เขาบอกโอเคอยู่ ไม่ขม กำลังดี
ยำปลาแซลมอนแบบไทย ปลาสดใช้ได้ กินกับน้ำยำที่มาแบบรสคนไทย รสจัดอร่อยดี
ซูชิปลาแซลมอนลนไฟ ปลาชิ้นหนาเต็มคำ สด ลนไฟกำลังดี อันนี้อร่อย ให้ผ่าน
ซาชิมิเซ็ท ในเซ็ทจะมีแซลมอนซาชิมิ ทูน่าซาชิมิ ท้องปลาแซลมอนซาชิมิ และปูอัด ทั้งเซ็ทนี้ให้ผ่าน สดดีทีเดียว
เซ็ทเทมปุระ หลังจากที่เพลินกับอาหารข้างบนไป มาเจอเมนูเบรคอารมณ์ทันที เพราะเนื้อกุ้งไม่สด! เรียกว่าเนื้อเละเลย กัดคำแรก ส่งให้คนที่ไปด้วยกินอีกคำ ลงความเห็นเลยว่า เออ กุ้งไม่สดอะ เศร้ามาก แต่อย่างอื่นปกติ
หลังจากที่ผิดหวังเรื่องเนื้อ แต่ด้วยความคิดที่ว่ารอบแรกอาจจะไม่เหมือนรอบสอง (และสารภาพว่ากลัวไม่คุ้ม) แต่รอบสอง ตัวเนื้อก็เหมือนเดิม ฮือๆ เซ็ง
เสียดายที่รอบนี้ไม่ได้สั่งสุกี้-ชาบูประเภทซีฟู้ดเลย เพราะอิ่มก่อน แต่เท่าที่กินมาหลายๆ รอบ ซีฟู้ดสดดีนะ น้ำจิ้มซีฟู้ดก็แซ่บอยู่แต่ไม่ได้โดดเด่น
โดยรวมแล้วสำหรับ Akiyoshi Premium รอบแรก และเสียตังเอง จ่ายเองของข้าพเจ้านั้น ไม่ค่อยประทับใจ กับคุณภาพที่ได้ โดยเฉพาะเนื้อ ไม่อยากจะพูดว่าเป็นความซวยของตัวเอง เพราะตัวร้านอาหารเองควรจะควบคุมคุณภาพให้ได้มากกว่า ส่วนเรื่องราคา ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ เผื่อร้านได้อ่าน คือ เคยเจอที่ดีกว่านี้แล้ว แต่ก็ไม่อยากเปรียบเทียบหรอกนะ
ถามว่าจะกลับไปซ้ำไหม ขอคิดดูก่อนนะ คงกลับไปกินเวอร์ชั่นปกติดีกว่า // ปาดน้ำตาร้องไห้จากขาประจำผู้ผิดหวัง
บทความที่คล้ายกัน
Okinawa Kinjo ร้านที่ให้คุณรู้สึกเหมือนกินอาหารอยู่โอกินาว่าในย่านพระโขนง
Azuma Soba ร้านโซบะชามยักษ์ ย่านพร้อมพงษ์ มีมากกว่า 100 เมนู